FRACTORA
Fractora เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของกระบวนการ Skin rejuvenation ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ และทำให้การจัดเรียงตัวของคอลลาเจนเดิมดียิ่งขึ้น ซึ่งกระบวนการดังกล่าวนี้เองที่ทาให้สามารถแก้ปัญหาผิวหนังที่หย่อนคล้อย ริ้วรอยที่ลึกและตื้นได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงปัญหาแผลเป็นและแผลเป็นหลุมสิว โดยใช้หลักการของ Fractional ซึ่งมีการส่งผ่านพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (RF) ผ่าน pins ของ FRACTORA
Fractora ช่วยรักษาอะไรบ้าง?
- รักษารอยแผลรอยแผลเป็น หลุมสิว แผลเป็นจากอีสุกอีใส ให้ตื้นขึ้น
- รักษาริ้วรอยรอบดวงตา
- รักษาความผิดปกติของเม็ดสีชั้นตื้น
- ปรับผิวให้เรียบเนียนยิ่งขึ้น
ขั้นตอนการรักษาด้วย Fractora
- ทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะทำการรักษา
- ทายาชา และรอให้ยาชาออกฤทธิ์ ใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที
- แพทย์จะทำการ Subcision เพื่อคลายพังผืดบริเวณหลุมสิว
- แพทย์จะเริ่มการรักษาด้วย Fractora โดยให้หัวของ Fractora สัมผัสเบาๆ ให้ทั่วบริเวณที่ต้องการรักษา ใช้เวลาทำประมาณ 15-20 นาที ระหว่างทำจึงไม่รู้สึกเจ็บหรือเจ็บน้อยมาก
- ประคบเย็น เพื่อประโลมผิว และลดความร้อนบนผิวหลังทำเลเซอร์
- ลงตัวยาสูตรเฉพาะลดการระคายเคืองหลังเลเซอร์ และ Growth factor เข้มข้น เพื่อเร่งการฟื้นฟูผิว กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และลดอาการบวม แดง ไม่สบายผิวหลังการทำเลเซอร์
ระหว่างทำ Fractora รู้สึกอย่างไร เจ็บไหม?
ระหว่างการรักษาด้วย Fractora คนไข้จะรู้สึกร้อนบริเวณผิว จุดเด่นอย่างนึงของ Fractora คือ เจ็บน้อยมาก อาจจะรู้สึกร้อนมากขึ้นบ้างบริเวณที่คุณหมอต้องการจะเน้นเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามก่อนการรักษาคลินิกจะทายาชา และประคบเย็นเพื่อลดอุณหภูมิผิวหลังการรักษาทุกครั้ง
ประโยชน์จากการรักษาด้วย FRACTORA
- ทำให้ผิวเรียบ ดูสดชื่นและอ่อนเยาว์กว่าเดิม
- ช่วยให้สีผิวกระจ่างขึ้นและผิวดีกว่าเดิม
- ช่วยลดริ้วรอยด่างดำ
- ช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา
- ช่วยลดรอยแผลจากสิวและแผลเป็นจากการผ่าตัด
ตัวอย่างผลการรักษาด้วย FRACTORA
การดูแลตัวเองหลังการรักษาด้วย FRACTORA
- ทาครีมบำรุงผิว และครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดชั่วคราว เพื่อป้องกันผิวใหม่
- อาจมีขรุยละเอียดเล็กๆปรากฏหลังการรักษา 1-3 วัน หลีกเลี่ยงการขัด ถู หรือสครับ บริเวณที่ทำการรักษา ควรปล่อยให้สะเก็ดหลุดลอกเองตามธรรมชาติ
ควรรักษา FRACTORA กี่ครั้ง?
ควรเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง 4-6 ครั้ง และระยะห่างประมาณ 1 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ข้อห้ามและข้อควรระวังในการใช้
- ผู้ป่วยที่ใส่ Peacemaker หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกใดๆในร่างกาย
- ผู้ที่ผ่าตัดใส่ metal plates, Screws หรือ Silicon ในร่างกาย
- ผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
- ผู้ป่วยที่มีการผ่าตัดบริเวณใบหน้าน้อยกว่า 1 ปี ก่อนทาการรักษา
- ผู้ป่วยมีเป็นมะเร็งผิวหนังหรือมีประวัติ, มีภาวะโรคเรื้ออาทิเช่น ภาวะโรคหัวใจ, มีภาวะของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง, มีภาวะของโรคที่สามารถกระตุ้นได้ด้วยความร้อน, มีภาวะเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้าตาลได้, มีภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ